ชี้แจงประเด็นร้องเรียนในเพจเฟสบุ๊ค กลุมคนสอยดาว

จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebook โพสต์ตัดพ้อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะตอน ในกลุ่มประชาชนสอยดาว เนื่องจาก การปฎิบัติหน้าที่ล่าช้าไม่ดำเนินคดีบุคคลในครอบครัวของตนที่มีพฤติกรรมเมาสุราและเสพยาคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายพ่อและลูกสาว(ผู้โพสต์)
วันนี้ พ.ต.ท. คมชนะ อนันตา รอง ผกก.สส.สภ.สะตอน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ขั้นตอนการดำเนินคดีที่ผู้โพสต์กล่าวถึงว่า
จากเหตุทำร้ายร่างกายบุคคลภายในครอบครัว เป็นกรณี ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพ่อ และลูกสาว(ผู้โพสต์) ซึ่งลูกสาวได้รับบาดเจ็บ ฟกช้ำที่แขน พ่อและลูกสาว อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ผู้ก่อเหตุออกไปจากครอบครัว เนื่องจากผู้ก่อเหตุเสพยาเสพติดมาเป็นเวลานานมีอาการ พูดคนเดียว ไม่ช่วยงานบ้านงานสวน และมีท่าทีต่อต้านจะทำร้ายเมื่อพ่อ ว่ากล่าวตักเตือน
1. กรณีดังกล่าว ถือเป็นความรุนแรงภายในครอบครัว แต่มีความเสี่ยงรุนแรงเนื่องจากผู้ต้องหามีอาการทางจิตเพราะมีประวัติเคยเสพยา ตาม พรบ.สุขภาพจิต หากญาติมีความต้องการ ที่จะพาผู้ป่วยเข้าทำการรักษาอาการทางจิต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมช่วยเหลือพาผู้ป่วยและญาตินำส่งโรงพยาบาลตามกระบวนการการรักษา
2. จากกรณีทำร้ายร่างกายพ่อและลูกสาว โดยไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าของเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานตำรวจรับคำร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว แต่มีความจำเป็นต้องรอผลชันสูตรบาดแผลการบาดเจ็บของผู้เสียหายจากแพทย์(โทษหนักเบาตามอาการบาดเจ็บตามที่แพทย์ลงความเห็น) จึงจะสามารถเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาหรือออกหมายจับหากผู้ต้องหาหลบหนี ตามกระบวนการ ไม่ได้เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานละเลย เพิกเฉยต่อการร้องทุกข์ของผู้โพสต์แต่อย่างใด
3. กรณี ผู้โพสต์ เกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่ระงับเหตุของสายตรวจที่ล่าช้า ซึ่งไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่สายตรวจตู้ยามทุ่งขนาน รับแจ้งเหตุ 19.25 น. และไปถึงสถานที่เกิดเหตุ 19.36 น. ใช้เวลาตั้งแต่รับแจ้งเหตุ จนกระทั่งไปถึงที่เกิดเหตุเพียง 11 นาที การโพสต์ข้อความอันเป็นการใส่ความการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจอันเป็นเท็จ โดยมีเจตนาให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะตอน เสียหาย อันเป็นความผิด ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ด้วยการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
และการนำเข้า ข้อมูลอันเป็นเท็จ สู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น มีประชาชนบางส่วนที่รับฟังข้อมูลเพียงฝ่ายเดียวเชื่อผู้โพสต์และคอมเม้นต์แสดงความคิดเห็น โดยขาดการรับฟังข้อมูลให้ครบถ้วน ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะตอน เสียหายยิ่งขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากเตือนและประชาสัมพันธ์เรื่องการใช้สื่อโซเชียล มีทั้งข้อดีในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร และมีข้อเสียอย่างมาก หากใช้สื่อโชเชียลโดยขาดวุฒิภาวะและวิจารณญาณ เพราะอาจทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย และผู้โพสต์อาจต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตามมาในภายหลังได้
สภ.สะตอน จึงประชาสัมพันธ์ชี้แจงแก้ไขข้อมูลที่มีผู้โพสต์บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ให้ประชาชนสอยดาวทราบโดยทั่วกัน
ทาง สภ.สะตอน ยังยึดมั่นแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ด้วยความยุติธรรม ซื่อสัตย์ โปร่งใสเป็นธรรม โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ครับ